วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ลองปากสีเข้ม! ตาม undertone

วิธีทาปากสีเข้มให้เข้ากับสีผิวของเราโดยสังเกตุจาก undertone

credit:: youtube.com/michellephan

UNDERTONE

สีผิวและอันเดอร์โทนของคุณ?

สีผิวและอันเดอร์โทนผิว

สำหรับ สาวๆ ที่ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองมีสีผิวแบบไหน และจะต้องมีวิธีการแต่งหน้าด้วยโทนสีอะไรถึงจะทำให้ดูสวย ใส เรามาทำความรู้จักกับการดูสิโทนผิวของสาวๆ กันเลยค่ะ คนเรามีผิวสีอะไร เราแยกได้จากการมองด้วยสายตา และที่เรามองเห็นก็คือสีของผิวหนังชั้นหนังกำพร้า

สีผิวเราจะแยกจากการมองเห็น แบ่งเป็น 2 โทนใหญ่ๆ คือ
1. สีชมพู (Pink)
2. สีเหลือง (Yellow หรือ Ocher)

..แต่เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงสีผิวภายนอกของเราได้ชั่วคราว อย่างเช่น การตากแดดให้มีผิวสีแทนขึ้น หรือการใช้สารบำรุงประเภทไวเทนนิ่งให้ผิวขาวขึ้นมาอีกระดับ เป็นต้น 
การเช็คดูผิวของเราว่ามีสีอะไร เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการเลือกเมคอัพ และขอให้เชื่อในแสงธรรมชาติเท่านั้น อย่าเชื่อแสงสีเหลืองที่เคาเตอร์เด็ดขาด คนเอเชียส่วนใหญ่มักจะมีผิวโทนเหลือง ดังนั้นหากจะเลือกซื้อเมคอัพแล้วเกิดไม่มั่นใจ ก็เอาโทนเหลืองไว้ก่อนเป็นดีที่สุดคะ
..เวลาเราเห็นใครสักคน เราอาจแยกได้แบบหยาบๆว่าเค้าเมีสีผิวอะไรได้จากการมอง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยการดูแลบำรุงรักษาป้องกันพอกโบ่ะโป่ะ แต่มีอย่างนึงที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้คือ Undertone ของสีผิวคะ 



Undertone คือ
สีผิวที่แท้จริงของเราที่อยู่ในผิวชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ใต้หนังกำพร้า ซึ่งเป็นพื้นสีของผิวจริงๆที่เป็นตัวระบุความกระจ่างใสของผิวภายนอกอีกที โดยปกติตามเชื้อชาติสายพันธ์ก็พอจะระบุได้ถึง Undertone ของเราได้อย่างคร่าวๆคะ ซึ่งเวลาเราจะดู undertone สีไหน ให้ดูจากผิวที่ลำคอค่
ะ 

Pink Undertone : คือคนที่มีผิวจริงเป็นสีชมพู ตัวอย่างจะๆได้แก่ ฝรั่งผิวขาว อาทิ แองเจลิน่า โจลี่
Greenish Undertone : คือ คนที่มีผิวจริงเป็นสีเขียวมะกอก ตัวอย่างได้แก่ ชาวเอเชียแถบๆ ตะวันออก จีนตอนเหนือ เกาหลี ไต้หวัน
Yellow Undertone : คือคนผิวเหลือง ได้แก่คนจีนตอนล่าง ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น กงลี่ ซูฉี
Grey Undertone : คือคนที่มีผิวจริงเป็นสีเทาเข้มหรือดำ ก็ได้แก่พวกคนผิวดำ(นิโกร) และแอฟริกา

     การที่เราสังเกตุดูว่าตัวเรามีผิวสีอะไร มันช่วยให้การเลือกซื้อเมคอัพง่ายขึ้น ไม่ต้องลองผิดลองถูกเสียตังค์ซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้เพราะหน้าลอย วอก หรือดำทะมึนเหมือนโดนของ
อันเดอร์โทนผิวเป็นสิ่งที่เราไม่อาจไปเจาะลึกมองให้เห็นถึงผิวชั้นหนัง กำพร้าได้ แต่ให้สังเกตุเอาง่ายๆจากสีผิวที่คอ สังเกตุจากการใส่เสื้อผ้าสีต่างๆ ได้คะ

และสำหรับสาวๆ ที่อาจจะยังไม่มั่นใจว่า ตาเปล่าหรือการสังเกตสีผิวจากลำคอแล้ว ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองมีอันเดอร์โทนสีผิวอะไร ก็อาจจะเลือกใช้วิธีอื่นๆ ในการสังเกตอีกได้ ดังนี้คะ

1. ดูเส้นเลือดที่ข้อมือของคุณคะ
ถ้าเส้นเลือดออกน้ำเงินหรือม่วง = อันเดอร์โทนชมพู = โทนเย็น = cool tone
แต่ถ้าเส้นเลือดเป็นสีออกเขียว = อันเดอร์โทนเหลือง = โทนอบอุ่น = warm tone

2. สังเกตจากการใช้รองพื้นกับผิวของเรา (อยากให้ใช้เทียบพร้อมกันทั้ง 2เฉดเลยนะคะ)
ก็คือ เอารองพื้นทั้ง 2เฉด ทาลงบนใบหน้า (หรือจะที่แขนก็ได้) โดยแบ่งเฉดล่ะครึ่งซีก ลงทิ้งไว้ค่อนวัน ถ้าอันที่หมองลง ก็แสดงว่ามันไม่ใช่เฉดเดียวกะสีผิวเราแล้วล่ะคะ

ซึ่งโทนผิวเหลือง (warm tone) จะเหมาะกับรองพื้นเฉดสีเหลือง ในขณะที่โทนชมพู (cool tone) จะเหมาะกับรองพื้นเฉดสีน้ำเงิน-ชมพู คะ ..เอาล่ะทีนี้เมื่อเรารู้อันเดอร์โทนผิวของตัวเอง เร่าก็จะได้เลือกซื้อรองพื้นได้เหมาะกับสีผิวของเราเสียที ช่วยขจัดเรื่องปัญหาหน้าวอก หน้าโบ๊ะ หน้าหมอง ไปเสียทีนะคะ

 

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วิธีกรีดอายลายไลน์เนอร์ง่ายๆ สไตล์ Michelle Phan

ขอบคุณคลิปวิดิโอจาก youtube.com/michellephan

วิธีล้างหน้าสะอาดใสไร้สิว

ล้างหน้าให้ถูกวิธี เพื่อใบหน้าสะอาดใสไร้สิว 

 

ทำความสะอาดใบหน้าบ่อยแค่ไหนดี?
การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว คือเวลาตื่นนอนตอนเช้า 1ครั้ง และอาบน้ำตอนเย็น 1ครั้ง เราไม่ควรล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้ง ลอกได้ นอกซะจากกรณีที่ผิวของเพื่อนๆ สกปรกจริงๆ โดยเฉพาะหลังทำกิจกรรมที่ร้อน และมีเหงื่อออกมาก เช่น หลังเล่นกีฬา ทำงานบ้าน ทำสวน ทำไร่ ปลูกต้นไม้ หรือคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน เป็นต้น ก็เพิ่มการล้างหน้ารอบพิเศษอีกสักครั้งได้

วิธีล้างหน้า
  • ไม่ควรใช้น้ำอุ่น หรือน้ำร้อนล้างหน้า เพราะมันจะทำให้ผิวแห้ง และกระตุ้นให้ผิวเหี่ยวเร็วขึ้น 
  • ให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ลูบไล้อย่างเบาๆ มือ โดยล้างหน้าตั้งแต่คางไปจรดแนวไรผมที่หน้าผาก อย่าขัดถูใบหน้าแบบแรงๆ
  • หลังฟอกสบู่ต้องล้างสบู่ออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด จากนั้นซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าขนหนู ซับหน้าเบาๆ ไม่ควรเช็ดหน้าหรือถูซับใบหน้าแรงๆ เดี๋ยวผิวจะหยาบกร้านเอานะ 
  • เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการดูแลทำความสะอาดใบหน้าในแต่ละวัน 
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการทำความสะอาดใบหน้า
หลายคนคิดว่าแค่สบู่หรือน้ำเปล่าล้างหน้านั้นไม่จะพอหรือ? คำตอบคือ เพียงพอแล้ว ก็เพราะมีความเชื่อกันว่าสิ่งสกปรกทำให้เกิดสิว จึงทำให้ผู้ที่เป็นสิวหลายคนล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไป แถมยังใช้สบู่ที่แรงหรือโฬมชนิดเข้มข้นหรือสบู่ยา ส่งผลให้ใบหน้าอักเสบ ระคายเคือง และสิวกำเริบขึ้น (เคยสังเกตไหมว่าทำไมเรายิ่งล้างหน้า ใบหน้ายิ่งอักเสบ สิวก็ไม่ลด) บางคนหลังล้างหน้า ก็ยังตบท้ายด้วยการใช้สำลีชุบโลชั่นที่มีแอลกอฮอล์ผสม หรือคลีนเซอร์ หรือเอ็กซเทอร์นอลเช็ดหน้า เช็ดที่ไรก็จะได้คราบสีดำติดสำลีมาด้วยทุกครั้ง แล้วเข้าใจว่าสิ่งนั้นคือสิ่งสกปรกตัวการทำให้เป็นสิว ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ต่อให้เรามีใบหน้าสะอาดเพียงใด หากใช้โลชั่นที่มีแอลกอฮอล์ผสมเช็ดหน้าย่อมได้คราบดำติดมาด้วยเสมอทุกคน ที่จริงแล้วคราบดำนั้นเป็นผิวหนังชั้นขี้ไคลส่วนที่ตายและพร้อมจะหลุดลอกออก โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งชั้นขี้ไคลก็คือชั้นหนังกำพร้าที่เกาะติดอยู่บนผิวหนังชั้นบนควบคู่ไป กับชั้นน้ำมันเคลือบผิว ทั้งขี้ไคล ทั้งน้ำมันไม่ใช่สิ่งสกปรก หากแต่เป็นเกราะที่คอยคุ้มครองปกป้องผิวหน้าจากฝุ่นละออง เชื้อโรค และสารเคมีไม่ให้ซึมผ่านลงไปทำร้ายผิว ดังนั้นหากขาดชั้นน้ำมัน ชั้นขี้ไคล ผิวหน้าของคุณก็ดั่งปราศจากเกราะ ขาดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เราจะพบว่าคนที่ล้างหน้าบ่อยๆ ใช้น้ำยา ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้ามักจะมีปัญหาผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย อักเสบง่าย ระคายเคืองง่าย กลายเป็นผิวบอบบาง โดนอะไรนิดหน่อยก็แพ้เป็นผื่น วิธีแก้ผิวแพ้ง่าย ก็เพียง “ยุ่งกับผิวให้น้อยที่สุด” แล้วจะหายเอง
โดยสรุปแล้ว ให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน หรือสบู่เจลใสของเด็กก็ได้ ลูบไล้อย่างเบาๆ มือให้ทั่วหน้า ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดหรือซับหน้าเบาๆ มือด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง ไม่ควรเช็ดหน้าแรงๆ
โดยธรรมชาติ ผิวหนังกำพร้าของคนเราจะหลุดลอกออกมาเองทุกวัน ก็จะพาเอาแป้ง เอาฝุ่นให้หลุดลอกออกมาด้วย ไม่ต้องออกแรงถูเพราะเป็นการไปทำร้ายผิว และไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้คลีนเซอร์ โทนเนอร์ หรือชุดล้างหน้า (ยกเว้นบางรายที่มีสภาพผิวมันมาก สามารถใช้ได้แต่ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม)  เพราะถึงจะใช้ชุดล้างหน้าสุดหรูชุดละหลายพันบาทหรือใช้แค่สบู่เหลวของเด็ก ขวดละ 60 บาท หน้าก็สะอาดใสได้เท่ากัน

วิธีดูแลผิวพรรณเมื่อเข้าหน้าหนาว

5 วิธีช่วยดูแล สุขภาพ ผิวในหน้าหนาว



 




  • อาบน้ำอุ่นน้อยลง อาบน้ำเย็นบ้าง
    เคล็ด ลับแรก นั่นคือการอาบน้ำค่ะ สาวๆอาจชินกับการอาบน้ำอุ่นเพื่อให้ความรู้สึกสบายตัว แต่สำหรับหน้าหนาวแล้วการอาบน้ำอุ่นเป็นประจำนั้นจะไปชะล้างเอาไขมันในชั้น ผิวให้ออกไปจากผิวเกินความจำเป็นและส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่น รวมถึงลดความสามารถในการเก็บกักความชุ่มชื้นยิ่งไปกว่านั้นผิวที่แห้งตึงและ ขาดไขมันนั้นอาจจะตอบสนองกับครีมบำรุงได้น้อยกว่าปกติ ดังนั้นในตอนเช้าจึงอยากแนะนำสาวๆว่าลองอาบน้ำในอุณหภูมิห้องซึ่งจะไม่เย็น มากจนเกินไปหรืออาบน้ำอุ่นแล้วปิดท้ายด้วยน้ำเย็นก็พออนุโลมค่ะซึ่งจะช่วย ปรับสมดุลให้ร่างกายพร้อมกับอากาศในช่วงเช้าได้ดียิ่งขึ้นทำให้ผิวรู้สึก กระชับ ทาครีมได้เรียบลื่นซึมง่ายอีกด้วยนะคะ

    สครับผิวได้ มีประโยชน์เหมือนกัน
    ฤดู กาลนี้กับผิวแห้งลอกเป็นของคู่กัน จนบางครั้งอาจทำให้สาวๆมีความเชื่อที่ว่าหน้าหนาวไม่ควรสครับผิว เพราะจะทำให้ผิวแห้งกร้านแต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะฤดูกาลไหนๆการสครับผิวถือเป็นกระบวนการคลาสสิคที่ช่วยให้ผิวคงความ รู้สึกอ่อนเยาว์รวมถึงในหนาวนี้การสครับผิวจะช่วยเคลียร์ผิวชั้นบนสุดที่ ส่วนมากเริ่มเสื่อมสภาพให้หลุดออกอย่างอ่อนโยนและเมื่อสครับเสร็จแล้วสาวๆ จะได้ผิวที่เรียบเนียนช่วยให้ผิวได้รับคุณค่าการบำรุงจากการทาโลชั่นหรือ บอดี้ครีมได้อย่างเต็มที่และลดปัญหาผิวแห้งลอกอันเกิดจากความแห้งกร้านของ อากาศในฤดูกาลนี้ดังนั้น ขอคอนเฟิร์มว่า เรายังสครับผิวได้เดือนละ 1-2 ครั้งตามปกตินะคะ

    รักษาความชุ่มชื้นของผิว
    สาวๆ อาจคิดว่าตอนนี้ที่อากาศยังปกติไม่หนาวไม่ร้อนไม่ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษก็ ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วหนาวหลอกในช่วงนี้ความชื้นในอากาศเริ่มลดลงแล้วค่ะ ดังนั้นผิวของสาวๆมีโอกาสแห้งตึงได้เช่นเดียวกัน ยิ่งสาวๆ ที่ต้องอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำจะเริ่มรู้สึกว่าผิวเราเปลี่ยนไปนะ เช่น เวลาออกแดดผิวอาจรู้สึกยิบๆอันเนื่องมาจากผิวกายที่แห้งกร้านมีการขยายตัว ที่รวดเร็วเมื่อเจอไออุ่นจากแสงแดด หรือสาวๆบางท่านจะรู้สึกได้ว่าผิวหน้าในช่วงนี้ไม่ค่อยมีความมันวาวปรากฏให้ เห็นนั่นแสดงว่าคุณได้รับอิทธิพลจากลมหนาวแล้วล่ะค่ะ

    กินไขมันบ้างนะ
    ใน ฤดูกาลนี้เป็นที่รู้กันของสาวๆ ญี่ปุ่นค่ะ ว่าจะต้องทานอาหารติดมันบ้างเพื่อเสริมให้ชั้นในมันในผิวมีความอิ่มฟู และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวสาวๆ จากแดนปลาดิบมักจะนิยมทานเบค่อนเพิ่มในมื้อหลักๆแต่สำหรับสาวไทยที่กลัวอ้วน การทานเบค่อนอาจทรมานใจเกินไปลองใช้เบบี้ออยล์นวดผิวให้ทั่วหลังจากสครับผิว แล้วก็จะช่วยให้ผิวมีความสามารถในการโอบอุ้มความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้นทดแทน กันได้ค่ะ

    ทาโลชั่นให้ถูกวิธี
    ถึง จะเบสิคแต่จำเป็นที่ต้องแนะนำค่ะ เพราะสาวๆ หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบวิธีการทาโลชั่นที่ถูกวิธี เราได้เคล็ดลับนี้มาจากสปาชื่อดังของเมืองไทยค่ะ เทอราพิสแนะนำว่า ในการทาบอดี้ครีมหรือโลชั่น ไม่ใช่เพียงการกระจายครีมทั่วฝ่ามือแล้วลูบลงไปบนผิวทันที เพราะนั่นจะทำให้สาวๆ ดูแลผิวได้อย่างไม่ทั่วถึง วิธีที่ดีและอยากบอกต่อคือ นวดครีมหรือโลชั่นบนฝ่ามือ จากนั้นตบๆ ครีมลงบนผิวให้ทั่วๆ บริเวณที่จะทาเป็นอันดับแรก และเมื่อทั่วถึงแล้ว จึงค่อยลูบตามแนวรูขุมขน ไม่ลูบย้อน เพื่อให้ผิวทุกส่วนได้รับการบำรุงอย่างทั่วถึง รวมถึงช่วยลดการเกิดขนคุดบนร่างกายอีกด้วยค่ะ

วิธีการใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี

การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี

 

        ผลิตภัณฑ์ป้องกันผิวจากแสงแดดเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตกาล เรายังไม่ทราบว่าสภาพแวดล้อมของบรรยากาศจะเป็นอย่างไรต่อไปถึงเวลานั้นเราอาจจะพบว่าผิวหนังของทุก-คน มีมะเร็งผิวหนังเกิดขึ้นเป็นของธรรมดาเหมือนกับการเกิดกระบนใบหน้าของเราในปัจจุบันก็ได้ จากผลของรังสีที่มีอยู่ในบรรยากาศมากกว่าปกติ การเกิดปัญหาผิวพรรณจากแสงแดดดังกล่าวนี้ ใช้เวลาสะสมติดต่อกันเป็นเวลานาน และยิ่งสัมผัสมากเท่าไร ก็เกิดเร็วขึ้นเท่านั้น
การป้องกันอันตรายจากรังสี จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด หรือ ครีมกันแดดเสียตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดการสัมผัสของผิวหนังต่อรังสีให้มากที่สุด เพราะเราทราบว่า การเกิดปัญหาผิวพรรณจากแสงแดดนั้น เป็นเรื่องของการสะสมทีละเล็กทีละน้อยเป็นเวลานาน แต่ทั่งนี้ก็ต้องอาศัยครีมกันแดดที่มีคุณภาพสูงมีฤทธิ์ป้องกันรังสีได้จริงๆ
ครีมกันแดดที่มีขายอยู่ในท้องตลาดปัจจุบันมีมากมาย บางชนิดบางยี่ห้อก็ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันได้ไม่เพียงพอ การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพ มีข้อพิจารณาดังต่อไปนี้
- ใช้ครีมกันแดดประเภทป้องกันรังสีได้เต็มที่ คือ SUNSCREEN หรือ SUNBLOCK ไม่ควรใช้ซันแทน (SUNTAN) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการใช้คนละอย่างกัน กล่าวคือ ในขณะที่ครีมกันแดดชนิด SUNSCREEN ไม่ต้องการให้รังสีเล็ดลอดผ่านครีมลงไปสู่ผิวหนัง แต่ซันแทนจะมีส่วนผสมของสารกันแดดเพียงเล็กน้อย หรือไม่มี เพื่อยอมให้รังสีผ่านลงไปกระตุ้นเซลล์สร้างสีให้ผิวมีสีแทนหรือสีคล้ำขึ้น นั้นคือจุดหมายของซันแทนนั้นเพื่อทาแล้วผิวเข้มโดยไม่เกรียม แต่ SUNSCREEN ที่ดีนั้นต้องไม่ยอมให้รังสีผ่าน หรือผ่านไปได้น้อยที่สุด
- ใช้ครีมกันแดดดังกล่าวเป็นประจำทุกวันให้เป็นนิสัยหรือความเคยชิน แม้จะไม่ออกไปไหนอยู่แต่ในบ้านก็ตาม เนื่องจากการที่ผิวได้รับรังสีนั้น ไม่จำเป็นจะต้องได้รับต่อเมื่อออกไปสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง แม้อยู่ในที่ร่ม ภายใต้อาคาร ในบ้านและที่ทำงาน ก็ได้รับรังสีซึ่งส่องทะลุกระจกใส และสะท้อนผนังและพื้นที่เรียบเป็นมันได้
- ใช้ครีมกันแดดก่อน 8.00 น. ในต้อนเช้า เพราะรังสีจะทวีประมาณมากขึ้น ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป
- เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสม คือปริมาณ 15 ซึ่งค่า SPF ขนาดนี้ จะช่วยป้องกันรังสีได้ทั้งวัน ยิ่งค่า SPF ต่ำ ก็จะป้องกันได้น้อยลงเป็นเงาตามตัว แต่ถ้าใช้ค่า SPF สูงเกิดไป ก็จะเกิดความจำเป็น เนื่องจากตกเย็น รังสีอุลตร้าไวโอเลตจะลดน้อยลง และไม่มีในตอนกลางคืน การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เช่น 30 จึงไม่มีประโยชน์ ค่าของการใช้งานเท่ากันกับครีมกันแดด SPF 15 แต่ราคาแพงกว่าโดยใช่เหตุ
- การทาครีมกันแดด ควรทาก่อนแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอาง รวมทั้งในผู้ที่มีผิวแห้งที่จำเป็นต้องใช้ MOISTERIZER ก็ควรทาครีมกันแดดก่อนเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อให้สารกันแดดเกาะผิว ถ้าทาหลังเครื่องสำอาง MOISTERIZER จะทำให้ครีมกันแดดอยู่ได้ไม่นานที่จะป้องกันผิวได้ทั้งวัน
- ถ้าจำเป็นต้องล้างหน้าก่อน 15.00 น. หรือลงว่ายน้ำ ควรทาครีมกันแดดซ้ำอีกครั้ง ในกรณีที่ลงว่ายน้ำในสระนานๆ ควรทาครีมกันแดดก่อนลงสระประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อรอให้ครีมกันแดดเกาะผิวชั้นหนังกำพร้าเสียก่อน มิฉะนั้นสารกันแดด อาจจะละลายไปกับน้ำได้ง่าย
- ครีมกันแดดไม่ช่วยป้องกันหน้าหมองจากความร้อน ดังนั้นถึงแม้ทาครีมกันแดดก่อนไปเที่ยวทะเล ก็ยังทำให้หน้าหมองจากความร้อน แต่หน้าหมองจากความร้อนเกิดไม่นาน จะหายไปเองได้ใน 3-7 วัน แต่ตรงข้าม ถ้าไม่ทาครีมกันแดดก่อน หน้าจะหมองคล้ำและไหม้เกรียมจากรังสี ซึ่งจะใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะหาย
- เครื่องสำอางบางชนิดที่ผสมสารกันแดดอาจจะมีคุณสมบัติป้องกันได้ไม่เพียงพอ เช่นแป้ง ครีมรองพื้น ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้สารติตาเนียม ไดออกไซด์ ซึ่งมีคุณสมบัติสะท้อนรังสี และถ้าจะทาให้ได้ผลป้องกันรังสีได้จริงๆ ก็ต้องทาพอกหนามาก ควรใช้ครีมกันแดดที่ออกแบบสำหรับป้องกันผิว โดยใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติป้องกันได้แน่นนอนจะดีกว่า
- การเลือกใช้ครีมกันแดดที่ปลอดภัย ก็เหมือนกับการเลือกใช้เครื่องสำอางหรือ MOISTERIZER กล่าวคือ ควรเลือกครีมที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะน้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว หรือ สารที่ทำให้เนื้อครีมเนียนละเอียด ซึ่งอาจจะต้องปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยว ชาญว่าสารชนิดใดควรใช้ไม่ควรใช้บ้าง
- ที่ผิวหน้าควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ออกแบบสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้ครีมกันแดดสำหรับทาตัวมาใช้กับใบหน้าเนื่องจากผิวหน้ามีลักษณะแตกต่างจากผิวกาย เช่น มีต่อมไขมันมาก กว่าและรูขุมขนลึกกว่า ทำให้เป็นสิวได้ง่าย อีกทั้งผิวหน้าก็เป็นส่วนที่มีโอกาสสัมผัสกับสารภายนอกมากกว่า ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบใช้กับผิวหน้าจึงต้องพิถีพิถันมากกว่า
- ผู้ที่ควรจะต้อง ใช้ครีมกันแดดป้องกันแดดป้องกันผิว ไว้เป็นประจำ คือผู้ที่มีปัญหาเรื่องฝ้า กระ และแพ้แดด ส่วนผู้ที่ปรารถนาจะป้องกันผิวแก่ก่อนวัย และป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่น ก็ควรใช้ครีมกันแดดเสียตั้งแต่เนิ่นๆก่อนอายุ 30 ปี ซึ่งเป็นระยะที่ผิวเริ่มเปลี่ยนแปลงภายใน หรือยิ่งก่อนหน้านั้นมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นการดีเท่านั้น
ในปัจจุบัน รังสีจากแสงแดเป็นมหันตภัยที่คนทั่วไปมองไม่เห็น และยังไม่ตระหนักถึงอันตราย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากรังสีนั้น ค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลานาน จนสังเกตไม่เห็น โดยเฉพาะการเกิดมะเร็งผิวหนัง และผิวแก่ก่อนวัย และในอนาคต ผลกระทบจากการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยน้ำมือของมนุษย์เรานี้เอง ก็ยังส่งเสริมให้อันตรายจากรังสีทวีมากยิ่งขึ้น
ดัง นั้น นอกจากการเลือกใช้ครีมกันแดดที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงแล้ว การช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติให้ปราศจากมลภาวะก็เป็นสิ่งสำคัญที่ ควรจะร่วมกันสร้างจิตสำนักให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนัก เช่น ลดการตัดไม้ทำลายป่า ช่วยกันปลูกป่าให้ร่มเย็นเพื่อเก็บน้ำและลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะช่วยลดความร้อนและรังสี ลดการใช้โฟม และสารเคมีที่ปล่อยสาร CFC เพื่อลดการทำลายโอโซน ซึ่งกั้นกรอบรังสีที่จะผ่านมาสู่ผิวโลก ก็ช่วยลดอันตรายต่อผิวพรรณและร่างกายที่เกิดจากรังสีในแสงแดดได้ในอนาคต

วิธีแต่งตัวสำหรับสาวๆรูปร่างต่างๆ

1. หุ่นทรงนาฬิกาทราย (Hourglass Figure Type) 
หุ่นทรงนาฬิกาทรายนี้นับเป็นทรวดทรงงดงามในอุดมคติเลยเชียว ด้วยขนาดรอบอกกับรอบสะโพกเท่า ๆ กัน และที่สำคัญคือมีเอวที่คอดเว้า โดยรอบเอวนั้นน้อยว่ารอบอกและสะโพกอยู่ราว 10 นิ้ว ซึ่งเป็นหุ่นแบบที่สาวคนอื่น ๆ พยายามใช้ลูกเล่นของเสื้อผ้า หลอกตาให้หุ่นของตัวเองดูใกล้เคียงกับแบบนี้มากที่สุดด้วย

          หากคุณมีรูปร่างทรงนาฬิกาทรายดังกล่าวนี้ การ เลือกใส่เสื้อผ้าของคุณแทบไม่มีความยุ่งยากเลย เพียงต้องมองหาแบบที่เน้นให้โชว์สัดส่วนของร่างกายได้ดี โดยไม่ทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งใหญ่เกินความจริง



          เคล็ดลับเลือกใส่เสื้อผ้าสำหรับสาวหุ่นนาฬิกาทราย

  •         เลือกใส่เสื้อผ้าที่มีสี ลวดลาย หรือการตกแต่งตัดกัน เพื่อเน้นให้เห็นรูปร่างได้ชัดเจน

  •        หากเป็นสาวหุ่นนาฬิกาทราย แต่ขาดแคลนความสูง เสื้อผ้าลายดิ่งตามยาว จะช่วยให้คุณดูยืดขึ้นได้

  •         รักษาสมดุลของการตกแต่งเครื่องแต่งกายท่อนบนและล่าง เพื่อไม่เน้นให้ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งเล็ก/ใหญ่กว่ากัน

  •         เลือกใส่กางเกงขากระบอก หรือกระโปรงทรงดินสอ

  •         ใส่เสื้อพอดีตัวกับประโปรงบาน


          สิ่งที่สาวหุ่นนาฬิกาทรายควรหลีกเลี่ยง

  •         เสื้อผ้าที่เน้นประดับตกแต่งที่หน้าอก

  •         เสื้อผ้าทรงกระสอบที่ปิดบังสัดส่วนของคุณ

  •         หากเป็นสาวหุ่นนาฬิกาทรายแต่ตัวเล็ก ต้องเลี่ยงเสื้อผ้าลวดลายใหญ่หยาบ และลายตารางใหญ่ ๆ เสื้อที่หลวมเกินตัว กางเกง-กระโปรงที่ยาวเกินไป
2. หุ่นทรงพีรามิด (Triangle Figure Type)
 
หุ่นทรงพีรามิด คือรูปร่างที่ท่อนล่างกว้างกว่าท่อนบน มีช่วงไหล่ที่ค่อนข้างแคบ หน้าอกเล็ก (แต่ก็ไม่เสมอไปนะ อิอิ) และสะโพกผาย ซึ่งมีรอบสะโพกมากกว่ารอบอก

          การเลือกใส่เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงที่มีหุ่นทรงพีรามิด คือการพรางท่อนล่าง ทั้งสะโพกและต้นขาให้ดูเล็กลง แล้วเน้นท่อนบน เพื่อสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นนั่นเอง


          เคล็ดลับเลือกใส่เสื้อผ้าสำหรับสาวหุ่นพีรามิด

  •          ใส่เสื้อผ้าที่มีการกระดับตกแต่ง รายละเอียดต่าง ๆ อยู่ที่ท่อนบน เพื่อดึงสายตามาที่ช่วงบนของร่างกาย

  •          ใส่เสื้อมีปกหรือมีลูกเล่นที่คอเสื้อ อย่างเสื้อคอกว้าง (ที่จะช่วยให้สาวหุ่นแบบนี้ดูดีขึ้นมาก) หรือเสื้อคอปาด

  •          ให้ชายเสื้อท่อนบนคลุมทับ หรืออยู่เหนือส่วนที่กว้างที่สุดของสะโพก

  •          เลือกใส่กระโปรงที่ยาวเหนือเข่า หรือปิดเข่าลงมา

  •          พรางสะโพกและต้นขา ด้วยเสื้อผ้าท่อนล่างที่มีสีเข้ม


          สิ่งที่สาวหุ่นพีรามิดควรหลีกเลี่ยง
  •          กระโปรงพลีท กระโปรงมีจีบ และกางเกงที่เย็บกระเป๋าหลังแบบโชว์ตะเข็บ

  •          เสื้อที่มีความยาวชายเสื้อตกลงที่สะโพกพอดี

  •          เสื้อแขนศอก เพราะจะนำสายตาลงไปยังท่อนล่างของร่างกาย

  •          กางเกงหรือกระโปรงที่มีกระเป๋าเย็บอยู่ด้านนอกตรงบริเวณสะโพก แบบที่โชว์ตะเข็บข้าง และแบบที่มีลวดลายเป็นแถบรอบ ๆ สะโพก

  •          กระโปรงมินิสเกิร์ต เพราะจะยิ่งเน้นให้ท่อนล่างของคุณดูใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีก
3. หุ่นทรงพีรามิดคว่ำ (Inverted Triangle Figure Type)
 

  เสื้อผ้าแบบ peplums

  •          ใส่เสื้อแขนศอกหรือเสื้อคอวี ซึ่งจะช่วยนำสายตาลงไปสู่ท่อนล่างของร่างกาย


  •          สร้างความบาลานซ์ให้รูปร่างด้วยการเลือกใส่กระโปรงบาน



          สิ่งที่สาวหุ่นพีรามิดคว่ำควรหลีกเลี่ยง

  •         เสื้อคอกว้างหรือคอปาด ที่จะเน้นจุดสนใจไปที่ช่วงไหล่ของคุณมากขึ้น
  •         เสื้อที่มีกระเป๋าเสื้อ หรือตกแต่งประดับท่อนบนมากเกินไป


  •         เสื้อที่โชว์ตะเข็บหรือมีจีบระบายที่คอเสื้อ (ปล่อยเอาไว้เรียบ ๆ จะดูดีกว่า)


  •         เสื้อที่มีจีบระบายรอบตัว


  •         กระโปรงมินิสเกิร์ต และกระโปรง-กางเกงทรงสอบ ที่รีดท่อนล่างคุณให้เล็ก และยิ่งทำให้ร่างกายท่อนบนดูใหญ่น่าอึดอัด
4. หุ่นทรงสี่เหลี่ยม (Rectangle Figure Type)
ทรวดทรงแบบสุดท้ายคือสาวที่มีรูปร่างทรงสี่เหลี่ยม คือมีช่วงเอวและช่วงสะโพกเท่า ๆ กัน เอว ไม่คอดเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามนับว่าเป็นรูปร่างแบบที่ใกล้เคียงกับหุ่นทรงนาฬิกาทรายมากที่ สุด เพราะฉะนั้นในการเลือกใส่เสื้อผ้าจึงต้องเลือกเสื้อผ้าที่เน้นให้เห็นส่วน โค้งเว้าของเอวได้มากขึ้น และช่วยให้เอวดูเล็กลงด้วย

          เคล็ดลับเลือกใส่เสื้อผ้าสำหรับสาวหุ่นสี่เหลี่ยม

  •         ใส่เสื้อยืดคอผ่า มีจีบระบาย หรือมีรายละเอียดประดับประดาที่คอเสื้อ เพื่อดึงสายตามาที่ช่วงบนของร่างกาย

  •         เลือกใส่เสื้อกั๊กหรือเสื้อคลุมที่ชายเสื้อตกลงที่ช่วงเอวพอดี

  •         เลือกเสื้อผ้าที่มีรายละเอียดอย่างกระเป๋าหลัง ตัดเย็บโชว์ตะเข็บ มีลูกไม้ประดับ ฯลฯ ที่ ช่วงอกและสะโพก

  •         ใส่กระโปรงทรงเอวลีบชายบาน (flared skirt)

  •         กรณีเป็นสาวทรงสี่เหลี่ยมที่ขาดแคลนความสูง ให้จับคู่กระโปรง/กางเกงขาสั้นกับเสื้อที่มีลวดลายแนวยาว

  •         ใส่กระโปรงพลีทหรือกระโปรงจีบ จะช่วยให้เอวดูเล็กลงได้


          สิ่งที่สาวหุ่นสี่เหลี่ยมควรหลีกเลี่ยง

  •         เสื้อผ้าที่เล่นลวดลายหรือสีสันตรงช่วงเอว

  •         เสื้อผ้าแนวที่ต้องคาดโชว์เข็มขัด และกระโปรง peplum

  •         เสื้อผ้าทรงกระสอบ
 

การดูแลผิวพรรณด้วยวิธีธรรมชาติ

การดูแลผิวพรรณด้วยวิธีธรรมชาติ

 

9 สูตรสมุนไพรเพื่อผิวหน้า
1.สูตรกระชับรูขุมขน ส่วนผสม น้ำมะ นาว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมไข่ขาว 1 ฟอง คนให้เข้ากัน ทาทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา นวดเบา ๆ 5 นาที แล้วทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
2. สูตร ผิวเนียนนุ่ม ส่วนผสม ฝัก ทอง ½ ถ้วย มะละกอ ½ ก้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง ผสมเข้ากัน ล้างหน้าให้สะอาด ชับพอหมาด นำส่วนผสมพอกให้ทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา พอกทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วใช้สำลี ชุบน้ำอุ่นเช็ดออก ทำอาทิตย์ละครั้ง
3. สูตรขจัดสิวเสี้ยน  ส่วนผสม มะเขือ เทศ 1 ลูก สเตอเบอรี่ 5 ลูก น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากันทาหน้า เว้นรอบดวงตา นวดเบา ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน 10 – 15 นาที เช็ดออก ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ทำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
4. สูตรลดความหมองคล้ำ  ส่วนผสม มะเขือ เทศ 1 ลูก น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ นมสด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากันทาทั่วหน้า ขัดเบา ๆ 10-15 นาที เช็ดออก ล้างด้วยน้ำเย็น ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
5. สูตรขจัดเชลล์ผิวเก่า ส่วนผสม บร็อก โคลีหั่นละเอียด ½ ถ้วย นมสด ½ ถ้วย ผสมเข้ากันทาทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา ขัดเบา ๆ พอกทิ้งไว้ 20-30 นาที เช็ดออก ล้างด้วยน้ำเย็น ซับหน้าให้แห้ง ทาครีมบำรุงทับอีกครั้ง ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
6. สูตรผิวขาว เรียบเนียน ส่วนผสม มะละกอสุกง อม 1 ถ้วย นมสด ½ ถ้วย น้ำส้มคั้น 2 ช้อนโต๊ะ ปั่นเข้ากันทาทั่วหน้า เว้นรอบตา พอกทิ้งไว้ 40-50 นาที ล้างออก ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
7. สูตรผิวชุ่มชื้น ใสปิ๊ง ส่วนผสม วุ้น ว่านหางจระเข้ 1 ถ้วย มะม่วงสุก ½ ถ้วย น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากันพอกหน้าบาง ๆ ก่อนเข้านอน ทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นตอนเช้า ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
8. สูตรลดผิวแสบร้อน ส่วนผสม คั้นน้ำแตงโม ½ ถ้วย ผสมนมสด ½ ถ้วย คนเข้ากันทาทั่วผิวที่โดนแดดทิ้งไว้ 30 นาที ใช้สำลีชุบน้ำเย็นจัด เช็ดออก หรือใช้เนื้อแตงโมสดถูผิวที่โดนแดด ทิ้งไว้จนแห้งแล้วใช้น้ำเย็นล้างออกก็ได้เช่นกันค่ะ
9. สูตรผิวกระจ่างใส ส่วนผสม แอ ปเปิลหั่นชิ้น 1 ลูก น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ ปั่นเข้ากัน ทาทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา พอกทิ้งไว้ 20-30 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำสัปดาห์ละครั้ง 

ขัดผิวด้วยมะขามเปียก
1. มะขามเปียกพอกหน้า ให้ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ห้ามเกินกว่านี้เพราะมะขามมีฤทธิ์เป็นกรดอาจทำให้ระคายเคืองได้ อาจจะรู้สึกคันยิบ ๆ เล็กน้อย เนื่องจากฤทธิ์ของกรด AHA ในมะขามค่ะ ถ้าแสบมากเกินไปให้รีบล้างออก
2. มะขามเปียกขัดหน้า ให้ใช้นิ้วมือค่อย ๆ นวดวนเบา ๆ เพื่อให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดออก และเกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ อย่าลืมว่าห้ามขัดเกิน 5 นาที นะคะ เดี๋ยวหน้าไหม้หมดสวยแย่เลย
3.  มะขามเปียกขัดผิว อาบน้ำให้สะอาด ทามะขามเปียกให้ทั่วตัว แล้วลงมือขัดวนไปเรื่อย ๆ อย่างเบามือ เน้นจุดด่างดำ และรอยหยาบกร้าน เช่น ข้อศอก หัวเข่า รักแร้ และ ฝ่าเท้า เป็นต้น ขัดวนจนทั่วตัว อย่าให้เกิน 15 นาที ถ้ารู้สึกแสบมากให้รีบล้างออก
4. หากน้ำมะขามเปียกที่ทำไว้ยังใช้ไม่หมด ให้ใส่ภาชนะสะอาดแช่ตู้เย็น เก็บไว้ใช้อีกได้ แต่ไม่ควรเกิน 3 วัน เพราะจะเสื่อมประสิทธิภาพลง
คำเตือน
  การใช้มะขามเปียกขัดผิว หรือพอกหน้านั้น ไม่ควรใช้เกินอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เพื่อป้องกันผิวถูกรบกวนมากเกินไปจนอาจระคายเคืองได้
  ที่สำคัญทุกครั้งที่ขัดผิวหรือพอกหน้าด้วยมะขามปียกแล้ว อย่าลืมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ด้วยครีมบำรุงเข้มข้น และครีมกันแดด SPF สูง ๆ นะคะ ผิวจะได้ขาวสดใส ไม่กลับไปคล้ำเสียอีก

หน้าใสไร้สิว..พอกด้วยโยเกิร์ต
   การพอกหน้าด้วยโยเกิร์ตจะช่วยชำระล้างเอาสิ่งสกปรก มลพิษออกจากรูขุมขนของผิวเรา ลดความมัน กระชับรูขุมขน และี่ในระหว่างที่เราพอกหน้า สารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์จะซึมซับลงสู่ผิวหน้าของเรา เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหน้าสดชื่น นุ่มนวล อ่อนเยาว์ หน้าใสเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะยิ่งใครที่มีปัญหาสิวตุ่มเล็กๆ หรือสิวผด พอกหน้าด้วยโยเกิร์ตยิ่งจะช่วยได้มาก เพียงแค่ทำสัปดาห์ละครั้ง หรือถ้าไม่ขี้เกียจ ทำทุกวันได้ก็จะยิ่งดีนะจ้ะ
   วิธีการพอกหน้าด้วยโยเกิร์ต
- เตรียมโยเกิร์ตรสธรรมชาติเท่านั้น แช่ในตู้เย็นให้เย็นฉ่ำ 
- เตรียมใบหน้าของคุณให้พร้อม ก่อนพอกหน้า ล้างหน้า  ลบเครื่องสำอางให้สะอาด
- นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่แช่เย็นไว้ นำออกมาพอกให้ทั่วใบหน้า จะใช้โยเกิร์ตเปล่าๆ พอกเลยก็ได้ หรือจะนำโยเกิร์ต ผสมมะนาว+น้ำผึ้ง พอกหน้าก็ได้ พอกทั่วหน้าเว้นบริเวณรอบดวงตา
- ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที ให้ส่วนผสมแห้ง ระหว่างรอให้แห้ง อย่ายิ้มหรือหัวเราะเป็นอันขาด มิเช่นนั้นจะได้ริ้วรอยลึกมาเป็นของแถมด้วยไม่รู้นะ
- ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตบท้ายด้วยน้ำเย็นกระชับรูขุมขนกันอีกครั้ง เมื่อล้างออกแล้ว จะรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มของผิวหน้า 
- บำรุงผิวตามปกติ

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ทำไมต้องสวย

ทำไมผู้หญิงถึงต้องห่วงสวยตลอดเวลา

 เรื่อความงามกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน ความสวยความงามทำให้ผู้หญิงมีความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน และอาจจะทำให้พวกเธอได้รับสิ่งโอกาสหรือสิ่งดีๆ มากกว่าผู้หญิงที่ดูโทรมหรือไม่ดูแลตัวเอง ดังนั้นผู้หญิงหลายๆคนจึงชอบดูแลตัวเอง ใส่ใจในการทำให้ตัวเองดูดีและดูสวย

มาลองดูวิธีการทำผมแบบ pearypie


makeup artist ชื่อดังระดับโลก pearypie มาแนะนำวิธีการทำผมที่เธอได้ทำบ่อยๆ มาดูกันค่ะว่าจะเป็นอย่างไร

ขอบคุณคลิปวิดิโอจาก youtube.com/pearypie

โมเมพาเพลินสอนแต่งหน้าแบบง่ายๆ

 

โมเม make up artist ชื่อดังในโลกโซเชี่ยล จากรายการ โมเมพาเพลิน มาแนะนำการแต่งหน้าอย่างง่ายๆ สำหรับมืใหม่หัดแต่งหน้าค่ะ

 ขอบคุณคลิปวิดิโอจาก youtube.com/spokedarktv

ดูแลผิวด้วยวิธีธรรมชาติ โดยการทำสครับผิวที่บ้าน

ดูแลผิวด้วยวิธีธรรมชาติ
 
 การทำ body scrub ง่ายๆใช้เองได้ที่บ้าน

น้ำผึ้ง และมะนาว มีคุณสมบัติในการทำความสะอาด

     - น้ำตาลทราย และเครื่องเทศอย่างผงขมิ้นผสมกับข้าวโอ๊ต ก็ช่วยขจัดเซลล์ผิวทึบหมองได้ดีเยี่ยม

     - น้ำ ผสมกับ Baking soda ก็ทำ Scrubs ได้ดี

     - น้ำผึ้ง Yogurt และ Olive oil กับน้ำตาลทราย ก็ช่วยให้ผิวขาวนวลเนียนละเอียดขึ้น

     - เกลือป่น ผงกาแฟ ผงชาเขียว ก็นำมาใช้ทำ Scrubs ได้

          ประโยชน์ของการทำ Scrubs คือช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของระบบเลือดและน้ำเหลือง ขจัดเซลล์ตายที่ทำให้ผิวแลดูทึบหมอง เผยผิวใหม่ที่มีเซลล์สุขภาพดี และนุ่มนวลขาวใส และหลังทำ ผิวจะสามารถดูดซึมสารบำรุงผิวจากเครื่องสำอางได้ดีขึ้น

          วิธีการก็เริ่มต้นด้วยการเลือกสูตร ส่วนผสมของ Scrubs ที่หาได้ง่ายในบ้าน โดยให้มีส่วน ของ ผง Scrubs ผสมกับ น้ำ หรือ นมสด และน้ำมัน เพื่อทำให้ส่วนผสมเปียก และรวมตัวเข้ากันทั่ว ผสมให้ข้นพอดี แต่ไม่เหลวเป็นน้ำ เพื่อให้ ทาลงบนผิวได้ง่าย และเกาะติดผิวได้ดี

          ประโยชน์ของน้ำมันต่าง ๆ อย่างเช่น Olive oil, Almond oil, Avocado oil หรือน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว เป็นต้น กลุ่มน้ำมันสกัดจากธรรมชาติเหล่านี้ จะทำหน้าที่ เป็น Moisturizer และ rejuvenate ให้กับผิว

          Essential oil(สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าที่ขายผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติทั่วไป) ตัวอย่างเช่น กลิ่น Floral , mint , citrus หรือ Fruity เลือกตามชอบ หยดลงในส่วนผสมเพียง 1-2 หยด จะช่วยให้เกิดความรู้สึกสงบสบาย และผิวหอมละมุน น่าสัมผัส


      ข้อควรทราบ

          ถ้าใช้ Baby oil แทนน้ำมันจากธรรมชาติ ให้ใช้กับผิวกายเท่านั้น Baby oil ไม่เหมาะกับใบหน้า ถ้าในบ้านมีน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ ให้เลือกธรรมชาติไว้ก่อนเป็นอันดับแรก

     -เลือกผง Scrubs ที่ละเอียดกว่าสำหรับใบหน้า และเลือกผง Scrubs ที่หยาบกว่า สำหรับผิวกาย

      -วิธี Scrubs ให้ใช้ปลายนิ้ว คลึงวนเป็นวงเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ จนทั่วบริเวณ  ไม่ขัดแรงจนเกินไป เพียงให้รู้สึกระคายเคืองผิว นิดหน่อยถือว่าพอแล้วสำหรับผลการกระตุ้นการไหลเวียน และผลัดเปลี่ยนเซลล์

      -สำหรับ Body scrubs ให้เริ่มจากส่วนปลายของร่างกาย เข้ามาหาส่วนกลางลำตัว

    -สำหรับ Facial scrubs ให้เริ่มจากส่วนกลางใบหน้า ไล่ไปหาขอบใบหน้า จากคาง จมูก แก้ม ขึ้นไปหาหน้าผาก หลังจากล้างออกแล้ว สามารถทาครีมบำรุงผิวตามปกติ


          เพียงทำ Scrubs ผิวด้วยตัวเองอย่างง่าย ๆ ให้สม่ำเสมอ ทุก1-2 สัปดาห์ จะช่วยให้ผิวสวย สุขภาพดี และริ้วรอยมาเยือนช้าอีกด้วย



เคล็ดลับผมสวยด้วยวิธีธรรมชาติ

7 เคล็ดลับการบำรุงผมสวย

         
   1. หมักผมด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ ปราศจาก สารเคมี โดยหมักเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ไม่ว่าจะด้วยไข่ นม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือดอกอัญชัน หรือสูตรการหมักผมอื่น ๆ ก็ได้ สูตรหมักผมจากธรรมชาติ จะช่วยบำรุงให้ผมคุณนุ่มสวยเงางามอย่างเป็นธรรมชาติเช่นกัน

           2. หากคุณอยากมีผมเงางาม เป็นประกายสวย ลองใช้แอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมกับน้ำเย็น จากนั้นนำไปชโลมผมทิ้งไว้ 20 นาที ทำเป็นประจำจะช่วยให้ผมเงางามได้ดั่งใจค่ะ

           3. ควรสระผมด้วยน้ำเย็น เพราะจะรักษาความชุ่มชื้นและเงางามได้มากกว่าน้ำอุ่น และหลังจากสระผมแล้ว ควรหยดน้ำมันมะพร้าว หรือคาโมไมด์ชโลมบนผมเล็กน้อย จะช่วยให้ผมเงางามได้เช่นกัน

           4. สูตรป้องกันผมร่วงที่ทำได้ง่าย ๆ คือ สระผมแล้วชโลมด้วยเกลือทะเลบนหนังศีรษะ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่าโดยไม่ต้องใช้แชมพู ทำแบบนี้สัปดาห์ละครั้ง จะช่วยให้ผมร่วงน้อยลงได้ค่ะ

           5. ใช้ไข่แดงแทนคอนดิชันเนอร์ หรือทรีทเม้นท์หลังสระผมทุกครั้ง จะช่วยให้ผมเงาสวยอย่างน่าทึ่ง ที่สำคัญไม่ต้องเปลืองเงินซื้อคอนดิชันเนอร์ และประหยัดที่สุดเลยล่ะ

           6. น้ำมันผลซีบัคธอร์น เป็น อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยหยุดยั้งผมร่วงได้ดีเลยทีเดียว และไม่ว่าจะใช้ชโลมผมโดยตรง หรือจะทานซีบัคธอร์นสด หรือในรูปแบบของอาหารเสริมก็ดี ก็ทำให้โลหิตไหลเวียนดี และยับยั้งผมร่วงอย่างได้ผล

           7. หลีกเลี่ยงการใช้เซรั่ม หรือน้ำมันกับเรือนผมมากเกินความจำเป็น เพราะเมื่อคุณต้องเผชิญกับมลภาวะ มันก็จะพันกันยุ่งเหยิง และเป็นที่กักเก็บฝุ่นละอองได้เป็นอย่างดีด้วย

           รู้อย่างนี้แล้ว สาว ๆ ก็ไม่ควรพลาดที่จะนำเคล็ดลับดี ๆ เหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ รับรองว่าผมของคุณจะสวยได้อย่างใจแน่นอนค่ะ

 

การจัดแต่งทรงผมสุดเบสิคแต่ดูมีเสน่ห์สุดๆ

ลุคเบสิคทรงเสน่ห์

 


STEP 1 เริ่มจาก การแบ่งเส้นผมโดยใช้หวีด้านแหลมแสกผมไปด้านตรงข้ามด้านที่แสกปกติ เพื่อช่วยให้เส้นผมดันโคลนผมอย่างเป็นธรรมชาติทำให้มีวอลูมมากขึ้น
STEP 2 ลง ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความเงางามกับผมแล้วใช้แปรงหวีผมจากนั้นเป่าให้แห้งและเช็ก ดูความเรียบร้อยของรอยแสกว่าเส้นคมและตรง เพื่อช่วยให้ดูทันสมัยขึ้น
STEP 3 เมื่อได้ สไตล์ที่ต้องการแล้วลงผลิตภัณฑ์จำพวกสเปรย์บริเวณเส้นผม ให้เว้นบริเวณโคนผมยังคงวอลูมแต่ตรงเส้นผมควรมีเท็กซ์เจอร์ของความหนืดอยู่ ตัวเล็กน้อย

 

อาหารลดพุง



สูตร อาหารลดหน้าท้อง



สลัดผักผลไม้ โยเกิร์ต  (ผสมได้ตามชอบได้เลยนะค่ะ แต่ไม่เกิน 1 ถ้วย นะค่ะ)
- ผักสลัด
- แอปเปิ้ล
- แก้วมังกร
- แครอท
- มะเขือเทศ
- โยเกิร์ต
ปลาแซลมอนนึ่งซีอิ๋ว
ส่วนผสมปลาแซลมอนนึ่งซีอิ๋ว
- เนื้อปลาแซลมอน 1 ชิ้น
- ต้นหอมซอย 1/2 ถ้วย
- แครอทซอย 1/3 ถ้วย
- ซีอิ๋วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 1/4 ถ้วย
- น้ำมัน 1 ช้อนชา
- น้ำตาล
วิธีทำปลาแซลมอนนึ่งซีอิ๋ว
1. ล้างเนื้อปลาให้สะอาด แล้วคลุกเคล้ากับมะนาว พักทิ้งไว้ ประมาณ 1 นาที
2. ผสมซีอิ๋วขาว น้ำตาล น้ำซุป และน้ำมันเข้าด้วยกัน นำเข้าเตาไมโคเวฟ นาน 5 นาที
3. ใส่เนื้อปลาแซลมอนในเตาอบ เปิดไฟ Medium ใช้เวลา 4 นาที จากนั้นให้โรย ต้นหอม และแครอท  แล้วนำเข้าอบอีกที 2 นาที จากนั้นก็พร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ